โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์คืออะไร? (What is an STI?)
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) คือ การติดเชื้อซึ่งสามารถติดต่อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
การมีเพศสัมพันธ์หมายถึง
- การจูบ
- การสัมผัสหรือถูอวัยวะเพศ
- การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปาก (การใช้ปากกับอวัยวะเพศ)
- การร่วมเพศ (องคชาตในช่องคลอด องคชาตในทวารหนัก)
- การใช้เซ็กซ์ทอย
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง? (What are the most common STIs?)
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยที่สุดคือ
- โรคหนองในเทียม
- โรคหูดหงอนไก่และเชื้อ HPV
- โรคเริม
- โรคหนองใน
- โรคซิฟิลิส
- โรคไวรัสตับอักเสบเอ โรคไวรัสตับอักเสบบี และโรคไวรัสตับอักเสบซี
- เชื้อ HIV
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Find out more about STIs)
คุณจะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างไร? (How do you get an STI?)
คุณสามารถติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
คุณมีแนวโน้มที่จะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากขึ้น หากคุณมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยกับ
- คู่นอนชั่วครั้งชั่วคราว – คู่นอนชั่วครั้งชั่วคราว คือ คนที่คุณมีเพศสัมพันธ์ด้วย แต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันหรืออาจไม่รู้จักกันดี ยิ่งคุณมีคู่นอนชั่วครั้งชั่วคราวหลายคน คุณยิ่งมีความเสี่ยงสูงจากติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- คู่นอนที่เคยมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช่ถุงยางอนามัยกับคู่นอนชั่วครั้งชั่วคราวคนอื่น ๆ
- คู่นอนในบางประเทศนอกเหนือจากออสเตรเลีย
- คู่นอนที่เคยมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยในบางประเทศนอกเหนือจากออสเตรเลีย
- คู่นอนที่เคยฉีดสารเสพติด
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยกับผู้ชายคนอื่น มีความเสี่ยงที่สูงกว่าในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์? (How do you know if you have an STI?)
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดไม่อาการแสดงหรืออาการใด ๆ ให้เห็น ดังนั้น คุณอาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้โดยไม่รู้ตัว นั่นหมายความว่า คุณสามารถแพร่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไปให้คู่นอนของคุณและทำให้พวกเขาติดโรคได้เช่นกัน
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดมีอาการที่บริเวณอวัยวะเพศของคุณ อันได้แก่
- องคชาต
- ลูกอัณฑะ
- ช่องคลอด
- ปากช่องคลอด
- ทวารหนัก
อาการเหล่านี้ อาจรวมถึง
- เป็นผื่นหรือคันที่อวัยวะเพศ
- มีสารคัดหลั่งจากองคชาต ช่องคลอด หรือทวารหนัก
- อาการแสบเวลาปัสสาวะ
- เจ็บแผล เป็นตุ่ม หรือมีหนอง
- มีติ่งหรือก้อนเนื้อขึ้นบริเวณผิวหนัง
- เจ็บปวดที่อวัยวะเพศหรือท้องน้อย
- มีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์
อาการของฉันน่ากังวลมากแค่ไหน? (How urgent are my symptoms?)
การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์คืออะไร? (What is an STI test?)
วิธีเดียวที่จะทราบว่าคุณติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่คือ การเข้ารับการตรวจโรค อันได้แก่
- การตรวจปัสสาวะ (urine test) – คุณจะต้องปัสสาวะใส่ขวด
- การตรวจเลือด (blood test) – พยาบาลหรือแพทย์จะเจาะเลือดของคุณไปตรวจ
- การทดสอบการปนเปื้อน (swab test) – พยาบาลหรือแพทย์จะใช้ก้านสำลีถูเพื่อตรวจหาเชื้อจากอวัยวะเพศ ทวารหนักหรือปากของคุณ
แพทย์ของคุณจะบอกคุณว่าควรรับการตรวจด้วยวิธีไหน ซึ่งใช้เวลา 1 ถึง 2 สัปดาห์จึงจะทราบผลการตรวจ
ฉันจะเข้ารับการตรวจได้ที่ไหนบ้าง? (Where can I be tested?)
เมื่อไหร่ที่คุณควรเข้ารับการตรวจ? (When should you be tested?)
คุณควรตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากว่า
- คุณมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
- คุณมีอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- คุณกังวลว่าคุณอาจติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ถุงยางอนามัยของคุณฉีกขาดหรือหลุดออกระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
- คุณหรือคู่นอนของคุณมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น
- คุณใช้เข็ม หลอดฉีดยา และช้อนในการฉีดสารเสพติดร่วมกับผู้อื่น
ฉันต้องเข้ารับการตรวจอะไรบ้าง? (What tests do I need?)
อาการของฉันน่ากังวลมากแค่ไหน? (How urgent are my symptoms?)
จะทำอย่างไรถ้าผลการตรวจของคุณเป็นบวก? (What can you do if your test is positive?)
ผลการตรวจเป็น 'บวก' หมายความว่า คุณติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แพทย์ของคุณจะให้ยากับคุณเพื่อรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มาจากเชื้อแบคทีเรียส่วนใหญ่สามารถรักษาได้และรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งหมายความว่า เมื่อคุณได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว เชื้อจะหายไปจากร่างกายของคุณและไม่สามารถติดต่อไปยังคู่นอนของคุณได้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มาจากเชื้อไวรัสบางชนิดสามารถรักษาได้ แต่ไม่หายขาด ซึ่งหมายความว่า เมื่อคุณได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว อาการทางกายภาพของเชื้อไวรัสจะหายไป แต่ไวรัสยังอาจคงอยู่ในร่างกายของคุณและยังสามารถแพร่เชื้อไปสู่คู่นอนของคุณได้
คุณต้องแจ้งผลการตรวจของคุณกับใครบ้าง? (Who do you need to tell about your test results?)
คุณควรแจ้งคู่นอนของคุณว่า คุณติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อให้พวกเขาสามารถไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ
หากคู่นอนของคุณไม่เข้ารับการตรวจหรือไม่ได้รับยารักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของเขา คุณอาจแบ่งยารักษาโรคให้กับกันและกันได้
คุณไม่จำเป็นต้องบอกบุคคลเหล่านี้
- นายจ้าง
- เพื่อนร่วมงาน
- เพื่อน ๆ
- ครอบครัว
อาจเป็นการยากที่จะพูดกับคู่นอนเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่คุณสามารถใช้แหล่งข้อมูลออนไลน์ที่เรียกว่า Let Them Know เพื่อช่วยคุณในการแจ้งคู่นอนของคุณ หรือแจ้งแบบไม่ระบุชื่อผู้แจ้งเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรค
คุณสามารถถามแพทย์ของคุณว่าพวกเขาสามารถช่วยคุณได้หรือไม่ Let Them Know เป็นฝ่ายจัดหาข้อมูลเพื่อช่วยแพทย์ในการให้ความช่วยเหลือคุณ
การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทำได้อย่างไรบ้าง? (How are STIs treated?)
คุณควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่า คุณปลอดภัยไม่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่สามารถรักษาได้อย่างง่าย ๆ ด้วยยาเช่น ยาปฏิชีวนะ หลังจากได้รับการรักษาแล้ว คุณจะไม่แพร่เชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ให้กับคนอื่นอีก
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดสามารถรักษาได้ด้วยยา แต่ไม่หายขาด ยาจะช่วยควบคุมเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในร่างกายของคุณและช่วยป้องกันอาการได้ แต่คุณจำเป็นต้องจัดการกับโรคและคนที่คุณติดต่อมีเพศสัมพันธ์ด้วย แพทย์สามารถพูดคุยกับคุณได้ว่าจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร
หากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ได้รับการรักษา คุณอาจมีปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้ เช่น ภาวะการมีบุตรยาก และคุณยังสามารถแพร่เชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไปยังคู่นอนที่คุณมีเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย
จะแน่ใจได้อย่างไรว่าคุณไม่ได้แพร่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไปติดคนอื่น? (How can you make sure you don't give an STI to someone else?)
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อคุณมีเพศสัมพันธ์
หากคุณติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่ามีเพศสัมพันธ์อีกจนกว่าคุณและคู่นอนของคุณได้ไปพบแพทย์และเข้ารับการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จนหายดีแล้ว
คุณสามารถหลีกเลี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างไร? (How can you avoid STIs?)
วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ แต่คุณก็ยังควรที่จะ
- พูดคุยกัน
- มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
- เข้ารับการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ
พูดคุยกัน
มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
- หากคุณหรือคู่นอนของคุณมีอาการ อย่าสัมผัสหรือถูบริเวณนั้น
- หากคุณคิดว่า คุณเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่ามีเพศสัมพันธ์อีกจนกว่าคุณจะไปพบแพทย์
- ใช้ถุงยางอนามัยสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก และการมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปาก ตรวจสอบวันที่ใช้งานเสมอ เนื่องจากถุงยางอนามัยเก่าอาจฉีกขาดได้ง่าย
- ใช้แผ่นยางทันตกรรม (แผ่นยางบาง ๆ ที่ใช้เป็นตัวกั้น) สำหรับการมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปาก
- ใช้สารหล่อลื่นสูตรน้ำเพื่อช่วยลดโอกาสการฉีกขาดของถุงยางอนามัยหรือแผ่นยางอนามัย อย่าใช้วาสลีนหรือน้ำมันนวดตัว เพราะอาจทำให้ถุงยางหรือแผ่นยางอนามัยเสื่อมหรือฉีกขาดได้ง่าย
- ใช้ถุงยางอนามัยใหม่หรือแผ่นยางอนามัยใหม่ทุกครั้งที่คุณมีเพศสัมพันธ์ (ถึงแม้ว่าคุณหรือคู่นอนของคุณจะไม่หลั่งน้ำกามออกมา) อย่าล้างถุงยางอนามัยและนำกลับมาใช้อีก
- หากคุณมีเพศสัมพันธ์กับคนมากกว่าหนึ่งคน (มีเพศสัมพันธ์แบบสามคนหรือแบบเป็นกลุ่ม) เปลี่ยนถุงยางอนามัยหรือแผ่นยางทันตกรรมใหม่สำหรับแต่ละคน
- เมื่อใช้เซ็กซ์ทอยในการมีเพศสัมพันธ์แบบสามคนหรือแบบเป็นกลุ่ม ให้ใช้ถุงยางอนามัยใหม่สำหรับแต่ละคน
เข้ารับการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ
- หากคุณเป็นคนมีเพศสัมพันธ์บ่อย ๆ กับคู่นอนใหม่หรือคู่นอนที่หลากหลาย คุณควรเข้ารับการตรวจสุขภาพทางเพศทุกสามเดือน
- หากคุณสังเกตเห็นอาการหรืออาการแสดงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ไปพบแพทย์ อย่ามีเพศสัมพันธ์อีกจนกว่าคุณจะได้พบแพทย์และเข้าการรักษาจนหายดีแล้ว
คุณจะรับความช่วยเหลือได้จากที่ไหนบ้าง? (Where can you get help?)